6 เรื่องต้องรู้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่
6 เรื่องต้องรู้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ ก่อนที่นักลงทุนมือใหม่ จะก้าวเข้าสู่แวดวงของการลงทุน เราจะขอแนะนำเลยว่า ในห้เช็คความพร้อมที่จะลงทุนด้วย 6 เรื่องที่เราต้องรู้ ดังนั้นการที่เราเตรียมตัวเข้าสู่ ความฝัน การที่เรารู้จักทางเลือกในการลงทุน การมีพื้นฐานการมีเทคนิคเฉพาะตัว จึงสำคัญต่อการลงทุนเป็นอย่างมาก

6 เรื่องต้องรู้ สำหรับนักลงทุนมือใหม่
1.รู้จักตนเอง
การที่เราจะเริ่มลงทุนอะไรสักอย่างนั้น สิ่งที่เราต้องมีนั้นก็คือการทำความรู้จักกับตัวเอง การทำความเข้าใจกับตัวเอง ลองถามตัวเองว่าเรามี เป้าหมายการลงทุนอะไร? ต้องการใช้เงินมากน้อยแค่ไหน? และ ต้องการบรรลุเป้าหมายเมื่อไหร่? ชอบ สนใจ ถนัด สินทรัพย์ประเภทไหน มีประสบการณ์ลงทุนมั้ย มีเงินลงทุนมากน้อยแค่ไหน ต้องการผลตอบแทนรูปแบบใด เท่าไหร่ มีเวลาติดตามข่าวสารด้านการลงทุนมั้ย และที่สำคัญเมื่อมันขาดทุน เราจะยอมรับได้มากน้อยแค่ไหน แต่หากได้กำไร จะเพิ่มวงเงินลงทุนหรือไม่
ประเด็นสำคัญ คือ ต้องรู้ตัวว่าเรา “ยอมรับความเสี่ยงได้แค่ไหน?” เพราะจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดีว่าทางเลือกลงทุนแบบไหนและสัดส่วนการลงทุนแบบใดที่จะเหมาะกับเรามากที่สุด
2.รู้จักทางเลือกลงทุน
เมื่อเราเริ่มรู้จักตัวเองมากขึ้น ก็ต้องทำความรู้จักกับสิ่งที่เราจะลงทุนด้วย เพราะนอกจาก “เงินฝากธนาคาร” ก็ยังมีอีกหลายทางเลือกมาก แต่เพื่อไม่ให้ปวดหัวจนเกินไป เรายังไม่ต้องทำความรู้จักกับทางเลือกทั้งหมดของโลกในตอนนี้ก็ได้ แค่ตั้งต้นจากทางเลือกลงทุนหลัก 6 ประเภท ดังนี้
- หุ้น ร่วมทุนเป็นเจ้าของกิจการโดยที่ไม่ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ฃ
- อนุพันธ์ สามารถทำกำไรได้ทั้งตลาดขาขึ้น และตลาดขาลง
- EFT ซื้อง่าย ขายคล่อง ผลตอบแทนดีตามดัชนี
- ตราสารหนี้ มีความเสี่ยงน้อย ได้ผลตอบแทนสม่ำเสมอ
- กองทุนรวม เงินลงทุนจะเติบโตผ่านมืออาชีพ ที่บริหารให้
- DW ใช้เงินลงทุนน้อย และมีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูง
- DR เทรดในไทย ลงทุนไกลถึงต่างประเทศ
3.วิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและเทคนิค
เราก็ควรเข้าใจ “ปัจจัยพื้นฐาน” ที่เกี่ยวข้องด้วย เพราะราคาจะขึ้นลงตามปัจจัยที่มากระทบ ซึ่งเราสามารถใช้การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานมากำหนดกรอบการลงทุนให้แคบลง ด้วยวิธีง่ายๆ คือ ดูภาพรวมเศรษฐกิจว่าปัจจุบันเป็นอย่างไรและมีแนวโน้มที่ดีในอนาคตหรือไม่ จะส่งผลกระทบกับแต่ละสินทรัพย์หรือแต่ละอุตสาหกรรมในเชิงบวกหรือเชิงลบอย่างไร เพื่อค้นหาสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุน เราจะได้มาวิเคราะห์แนวโน้มการเติบโตของสินทรัพย์นั้นๆ ว่า ถ้าเราลงทุนไปแล้ว มีโอกาสจะได้กำไรในอนาคตหรือไม่นั่นเอง
หลังจากค้นพบสินทรัพย์ที่น่าสนใจลงทุนแล้ว ก็ต้องนำราคาตลาดของสินทรัพย์ดังกล่าวมาเปรียบเทียบกับมูลค่าที่แท้จริงของสินทรัพย์นั้น เพื่อดูว่า ราคาสูงเกินกว่าที่ควรจะเป็น หรือ ราคาต่ำเหมาะสมที่จะลงทุน และใช้เครื่องมือในการวิเคราะห์ “ปัจจัยเทคนิค” เป็นตัวช่วยกำหนดจุดซื้อ-จุดขาย เพื่อให้ประสบผลสำเร็จในการลงทุน

4.สร้างพอร์ตและจัดทำคัมภีร์ลงทุน
ถึงแม้เราเริ่มรู้จักทางเลือกลงทุนและรู้จักวิธีวิเคราะห์มากขึ้น ก็อย่าเพิ่งใจร้อนรีบลงทุนเลย เพราะการลงทุนที่ดี และประสบความสำเร็จจะต้องมี “การสร้างพอร์ตลงทุนที่เหมาะกับตนเอง” ซึ่งพอร์ตการลงทุนที่ดีนั้น ต้องกระจายความเสี่ยงได้อย่างสมดุล ไม่ใช้เงินจำนวนมากลงทุนในสินทรัพย์เดียวจนหมด แต่ก็ต้องไม่หลากหลายหรือกระจายจนเกินไป เพราะจะทำให้เราติดตามดูแลยาก
รวมทั้ง ต้องมีความยืดหยุ่น สามารถเปลี่ยนแผนลงทุนให้เข้ากับสถานการณ์ได้ และ มีสัดส่วนการลงทุนที่เหมาะกับเป้าหมาย โดยเราอาจแยกพอร์ตลงทุนตามเป้าหมาย เพื่อจะได้กำหนดสัดส่วนของสินทรัพย์เสี่ยงสูงและเสี่ยงต่ำตามระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และระดับอัตราผลตอบแทนที่คาดหวัง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการลงทุนนั้นๆ
5.ลงมือทำตามแผน
ช่วงเวลาที่เรารอคอย อันดับแรกเลยเราก็ต้อง เปิดบัญชี เพื่อใช้ในการซื้อหรือขายก่อน ซึ่งกรณีลงทุนหุ้น ETF ตราสารหนี้ DW หรืออนุพันธ์ ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หรือที่เรียกสั้นๆ ว่า “โบรกเกอร์” ส่วนการลงทุนในกองทุนรวม การเปิดบัญชีครั้งแรก ต้องเปิดบัญชีกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แต่ละแห่ง หรือตัวแทนขายของ บลจ. แต่ครั้งถัดๆ ไป ก็จะซื้อขายสะดวกมากขึ้น เพราะซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้เลย
อาจจะขึ้นอยู่กับราคาและจำนวนของหุ้นที่เราต้องการลงทุน เช่น อยากได้หุ้นราคา 5 บาท โดยปกติแล้วต้องซื้อขั้นต่ำ 1 Board Lot หรือ 100 หุ้น ก็เท่ากับเราต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำ 500 บาท แต่ยังมีค่าธรรมเนียมการซื้อขายที่เราต้องจ่ายให้กับโบรกเกอร์ด้วย หรือถ้าอยากทุนในกองทุนรวม ปัจจุบันเงินลงทุนขั้นต่ำในการซื้อกองทุนรวมน้อยมาก บางกองไม่มีขั้นต่ำในการลงทุนเลยด้วยซ้ำ นั่นหมายความว่า 1 บาทก็เริ่มต้นได้แล้ว แต่ถ้าจะให้ชัวร์อาจสอบถามจาก บลจ. ดูอีกทีก็ได้

6.ติดตามและทบทวนแผนการลงทุนสม่ำเสมอ
เมื่อเริ่มลงทุนไปแล้ว เราต้องขยันเข้ามาติดตามผลกันหน่อยนะ อาจจะทุก 6 เดือน หรือ 1 ปีก็ได้ แล้วแต่ความสะดวก โดยดูว่าผลตอบแทนที่ได้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้แล้วหรือยัง หากไม่ เราก็จะได้ “ปรับพอร์ตการลงทุน” ได้ทันเวลาอันสมควรด้วย
การแพร่ระบาดโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อการศึกษาไทย โควิด-19 จัดได้ว่าเป็นวิกฤติครั้งยิ่งใหญ่ที่ได้รับผลกระทบกันทั่วโลก และสิ่งที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับต้นนั่นก็คือ ระบบของการศึกษาไทย เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนวิธีการต่างๆเพื่อมาใช้ในการเรียนการสอน ซึ่งบางครั้งบางมาตรการอาจสร้างผลกระทบต่อสังคมในด้านอื่นๆ อาทิผลกระทบต่อระบบการศึกษาซึ่งอาจกลายเป็นหนึ่งในวิกฤติที่ร้ายแรงที่สุด
เกมเดิมพันออนไลน์ที่ตอบโจทย์ และถูกใจนักเดิมพันทั้งหลาย เป็นอย่างมาก เพราะผู้ที่ลงเดิมพันสามารถเข้ามารับความสนุกกับเกมที่มีหลายรูปแบบ ที่สำคัญ ไม่ว่าเราจะเล่นเพื่อความสนุกเพลิดเพลิน หรือเล่นเพื่อหารเงินรางวัล เรามองเห็นในแง่ของธุรกิจนั้น เกมนี้ ตอบโจทย์ผู้เล่นได้เป็นอย่างดี สำหรับใครที่กำลังมีคำถามว่า เล่นสล็อตออนไลน์ อย่างไรให้รวยแบบฉุดไม่อยู่